วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ดรสาแบหลา


การรำดรสาแบหลา
เป็นชุดการแสดงชุดหนึ่งของละครในเรื่องอิเหนา
การแสดงชุดนี้ เป็นการแสดงที่วงการนาฏศิลป์นับถือกันว่า
แสดงยาก อาจารย์ลางท่านถึงกับกล่าวว่ามีอาถรรพณ์
ดังนั้นการแสดงชุดนี้จึงเป็นการแสดงที่น่าสนใจ
และหาชมได้ยากเป็นอย่างยิ่ง

นางดรสา ชายาห้าวันของระตูบุศสิหนาที่ถูกอิเหนาในคราบโจรป่ามิสารปันหยีฆ่า นางเสียใจมากจนกระทั่งทำพิธีสตี เผาตนเองไปพร้อมกับระตูบุศสิหนา

เนื้อเรื่องตอนนี้อยู่ในละครในเรื่องอิเหนา ตอน ปัญหยีรบระตูบุศสิหนา ระตูบุศสิหนาไปรบกับปันหยี(อิเหนา)แล้วพลาดท่าต้องทวนของปันหยีตกจากม้าสิ้นพระชนม์ทันที นางดรสาเสียใจมากจึงได้ทำพิธีแบหลา(ฆ่าตัวตาย)ตามพระสวามี

เนื้อเรื่องกล่าวถึง อิเหนาได้ปลอมเป็นปันหยี(โจรป่า)พร้อมด้วยสี่พี่เลี้ยงเที่ยวรอเวลา ทำกลอุบายเข้าเมืองหมันหยาเพื่อให้ได้นางจินตราวาตี อิเหนาและพี่เลี้ยงทำตนเป็นโจรป่าซ่องสุมกำลังอยู่

ระตูบุศหนาเพิ่งทำการอภิเษกกับนางดรสาขบวนผ่านมานมัสการพระฤาษีและต้องพักค้างคืนพอดี เช้าตรู่วันหนึ่ง ประสันตาพี่เลี้ยงไปต่อนกเขาที่เชิงผามะราปี เกิดมีเรื่องกับคนของระตูบุศสิหนา ต่างฝ่ายต่างทูลให้นายของตนได้ทราบเรื่องยุยงจนเกิดเป็นสงคราม ระตูบุศสิหนาออกรบกับปันหยีและต้องทวนตกม้าตาย พี่ชายทั้งสองของระตูบุศสิหนามีความเกรงกลัวปันหยีจึงมอบ สียะตราซึ่งอิเหนาปันหยีรับไว้ในฐานะน้องชาย มอบนางสการวตีและนางมาหยารัศมีในฐานะบาทบริจาริกา

ความทราบถึงนางดรสาว่าสามีตายนางจึงกระทำพิธีแบหลาคือการใช้กริชแทงตัวและโดดเข้ากองไฟตายตามสามี สำหรับกระบวนรำดรสาแบหราเป็นกระบวนรำอาวุธกริชของตัวละครที่เป็นตัวนาง โดยใช้กริชเล่มเดียวกับกริชของระตูบุศหนาสามี การแต่งกายจะแต่งกายด้วยชุดขาว สวมกระบังหน้ารำถือกริชเป็นวงกลมไปรอบๆ กองไฟหรือพระเมรุของระตูบุศสิหนา

“ เมื่อนั้น นวลนางดรสามารศรี
กำสรดโศกศัลย์พันทวี อัญชลีทั้งสองกษัตรา
แล้วทูลว่าพระองค์ผู้ทรงเดช จงได้โปรดเกศเกศา
ข้าน้อยขอถวายบังคมลา ตายตามภัสดาด้วยภักดี
ขอฝากบิตุราชมาตุรงค์ ทั้งประยูรญาติวงศ์ในกรุงศรี
อันศฤงคารของข้าบรรดามี ถวายไว้ใต้ธุลีบาทา
ทูลพลางประณตบทเรศ สองกษัตริย์ทรงเดชเชษฐา
บังคมบรมศพภัสดา แล้วกัลยาทักษิณเวียนไป
ครั้นครบคำรบสามรอบ นบนอบน้อมองค์ลงกราบไหว้
จึ่งชักเอากริชภูวไนย มาทูลไว้เหนือเกล้าเมาฬี
กันแสงพลางทางสมาลงธิกรณ์ ภูธรได้เคืองบทศรี
ด้วยกายกรรมแลวจี ขออย่ามีเวราผูกพัน
ประการหนึ่งซึ่งข้าสุจริต สู้ตายมิได้คิดบิดผัน
เดชะความสัตย์ของข้านั้น แม้นทรงธรรม์จะตกไปแห่งใด
ขอให้ได้พบสบประสงค์ บำเรอบาทบงส์จงได้
ให้ร่วมสุขร่วมทุกข์ร่วมฤทัย อย่าให้รู้นิราศคลาดคลา
ครั้นเสร็จตั้งจิตอธิษฐาน เยาวมาลย์กราบงามสามท่า
เห็นเพลิงพลุ่งรุ่งโรจน์โชตนา ก็แบหลาโจนเข้าในอัคคี”


แบหลา เป็นพิธีอันเนื่องมาจากพิธี "สตี"เป็นพิธีตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์กล่าวถึงตอนที่พระนางสตรีได้เสด็จมาที่โรงพิธีที่พระทักษะฯ พระบิดากำลังทำพิธี "ยัญญะพิธี"ได้อัญเชิญเหล่าทวยเทพทุกพระองค์มาประสาทพรแต่มิได้เชิญพระศิวะอันเป็นพระสวามีของพระนาง เมื่อถึงโรงพิธีจึงตรัสถาม พระทักษะฯก็กล่าวว่า พระศิวะเป็นเทพของพวกภูตผีปีศาจ อยู่ตามป่าช้า มีเนื้อตัวสกปรกน่าขยะแขยงยิ่งนัก พระนางสตรีทนฟังถ้อยคำดูถูกสวามีแห่งตนจึงกระโดดเข้ากองไฟเพื่อบูชาความยิ่งใหญ่ของสวามีตนเองให้ผู้อื่นเห็น ชาวฮินดูจึงเชื่อว่าหากสามีตายหรือต้องการรักษาเกียรติแห่งสามีต้องกระโดดเข้ากองไฟฆ่าตนเองตายเรียกว่า"พิธีสตี"
ปัจจุบันยังมีความเชื่อนี้หลงเหลืออยู่ในอินเดียและปากีสถาน